ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ฉลองชัยชนะเหนืออาร์เซน่อลในเกมดาร์บี้ลอนดอนเหนือ แต่ชัยชนะนี้กลับเป็นความหวังที่ไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่สำหรับทีม ยิงเป็นประตูที่สวยงาม แต่ไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่คาดหวังในระยะยาว

    สามปีที่แล้ว ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์เอาชนะอาร์เซนอลไป 3-0 และต่อมาไม่กี่สัปดาห์ก็เอาชนะเพื่อคว้าตั๋วไปแชมเปียนส์ลีก นี่เป็นครั้งที่หกต่อเนื่องที่สเปอร์สจบซีซันเหนือกว่าอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีก แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปหลังจากนั้น โดยฤดูกาลนี้อาร์เซนอลทำผลงานได้ดีกว่าและเป็นฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดสำหรับท็อตแน่มในประวัติศาสตร์

    แม้ว่าสเปอร์สจะยังมีแสงสว่างในอนาคตอยู่บ้าง โดยพวกเขามองหวังถึงการชนะในศึกยูโรปาลีกกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่สามารถหยุดความเคลือบแคลงต่ออนาคตของผู้จัดการคนปัจจุบันอย่างแองเจ โพสเตโกลูได้หลังจากฤดูกาลที่น่าผิดหวัง

    ในอดีตครั้งที่สเปอร์สชนะอาร์เซนอล 3-0 กับการทำประตูของแฮร์รี เคน และซน ฮึง-มิน เป็นค่ำคืนแห่งความสุขที่สัญญาว่าจะนำมาซึ่งยุคใหม่ที่รุ่งโรจน์ภายใต้อันโตนิโอ คอนเต้ แต่ในที่สุดก็กลายเป็นเพียงแค่จุดสูงสุดช่วงสั้นในยุคของเขา

    หลังจากที่คอนเต้จากไปโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายในเดือนมีนาคม 2023 เนื่องจากไม่พอใจกับผลงานและวัฒนธรรมของทีม ทำให้ท็อตแน่มต้องผ่านการเปลี่ยนแปลง ผู้จัดการคนใหม่จากเซลติกคือแองเจ โพสเตโกลูต้องเผชิญกับความท้าทายในการฟื้นฟูทีม ขณะที่ความสำเร็จในลีกยังห่างไกลจากสิ่งที่เคยเป็น

    อาร์เซนอลภายใต้การนำของมิเกล อาร์เตต้า ตั้งแต่ปี 2019 ได้เห็นการสร้างทีมที่ย่อมเยาและค่อยๆ พัฒนาขึ้น สร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนแม้ว่าจะต้องฝ่าฟันกับความยากลำบาก จุดเด่นของอาร์เซนอลต่อท็อตแน่มคือการมีทิศทางและอัตลักษณ์ที่ชัดเจน พร้อมการสนับสนุนในการเสริมทีม ความมั่นคงนี้เองทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่แข็งแกร่ง

    แดนนี เมอร์ฟี นักวิจารณ์กีฬาเชื่อว่า หากสเปอร์สนำโค้ชที่สามารถปรับปรุงและเสริมทัพด้วยผู้เล่นที่เหมาะสม พวกเขาก็สามารถกลับมาแข่งขันในระดับสูงได้อีกครั้ง การแต่งตั้งผู้จัดการที่เหมาะสมและการสรรหาอย่างดีจะช่วยให้สเปอร์สสามารถไล่ตามอาร์เซนอลได้

    แม้ว่าสเปอร์สจะมีปัญหาในฤดูกาลนี้ แต่ในอนาคต พวกเขายังมีศักยภาพที่จะกลับมาสู่เวทีการแข่งขันสูงสุดได้อีกครั้งด้วยการวางแผนและทิศทางที่เหมาะสม