"ลีกชาวนา" เป็นคำสบประมาทสำหรับลีกเอิงของฝรั่งเศส แต่ PSG และ Inter Milan ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความพยายามในการแข่งขัน ทำให้พวกเขาก้าวสู่การแข่งขันระดับสูงและแม้แต่ในเวทีระดับนานาชาติได้สำเร็จ

    ในบทความ "The League of Farmers?" จะกล่าวถึงวิธีที่ทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) และอินเตอร์ มิลาน ทะลุเข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2023-2024 โดยไม่ต้องมีทีมจากลีกพรีเมียร์, บุนเดสลีกา หรือ ลาลีกา ส่วนหนึ่งที่สำคัญของเรื่องราวนี้คือวิธีที่ทั้งสองทีมได้ทำลายภาพลักษณ์และความคาดหวังเกี่ยวกับลีกในประเทศของพวกเขา

    ลุยส์ เอ็นริเก้ ผู้จัดการทีม PSG ได้ให้ความเห็นเชิงตลกเกี่ยวกับคำว่า “ลีกของชาวนา” ซึ่งแฟนบอลบางกลุ่มชอบใช้เพื่อดูถูกลีกที่ถือว่ามีคุณภาพต่ำกว่า เช่น ลีกเอิง ของฝรั่งเศส เอ็นริเก้กล่าวว่า PSG ดีขึ้นเมื่อไม่มีคิลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งเป็นกัปตันทีมและสตาร์สำคัญของสโมสร โดยหลังจากเอ็มบัปเป้ย้ายออกไป ทีมกลับสามารถครองแชมป์ลีกเอิงได้อย่างง่ายดายและยังเข้าสู่รอบชิงแชมป์ลีกยุโรปได้

    การที่ PSG ค่อยๆ ละทิ้งยุค ‘กาลาติโก้’ ด้วยการปล่อยตัวผู้เล่นอย่างลิโอเนล เมสซี และเนย์มาร์ ทำให้เอ็นริเก้สามารถสร้างทีมที่เน้นการร่วมมือกันเป็นหลัก โดยมีนักเตะเช่น ควิช่า ควารัตสเคลีย ซึ่งเป็นการเซ็นสัญญาใหม่ในเดือนมกราคมที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทีม

    ด้านอินเตอร์ มิลาน ทีมสามารถเอาชนะบาร์เซโลน่าในรอบรองชนะเลิศสุดมันส์ที่สกอร์รวมถึง 7 ประตู การมีประสบการณ์และความเก๋าเป็นปัจจัยสำคัญ ในเกมกับบาร์เซโลน่า นักเตะที่มีอายุมากกว่า 25 ปีเริ่มลงแข่งถึง 10 คน และฟรานเชสโก อาเซอร์บี ผู้เล่นอายุ 37 ปี เป็นผู้ทำประตูสำคัญที่ส่งผลต่อเกม มิดฟิลด์ตัวเก๋าอย่างเฮนริค มาร์คิตายานและฮากาน ชัลฮาโนกลู ก็มีบทบาทสำคัญ

    บทความย้ำให้บรรดาแฟนบอลที่ชื่นชอบลีกใหญ่อย่างอังกฤษ เยอรมัน และสเปนหยุดมองข้ามลีกอื่นๆ อย่างลีกเอิงและเซเรีย อา ซึ่งยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันในระดับสูง แม้ว่าจะถูกมองข้ามบ้างก็ตาม ในขณะที่ทีมจากพรีเมียร์ลีกยังคงมีความสำเร็จในยูโรปาลีก ซึ่งท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสเข้าชิงแชมป์ในปีเดียวกัน

    โดยสรุปแล้ว ทั้ง PSG และอินเตอร์ มิลาน ได้พิสูจน์ว่าลีกจากประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช่พรีเมียร์ลีก บุนเดสลีกา หรือ ลาลีกา ยังสามารถแสดงความโดดเด่นและสร้างประวัติศาสตร์ในเวทีระดับยุโรปได้เช่นกัน