เออร์ลิง ฮาแลนด์ จุดประกายการถกเถียงด้วยการเปิดเผยว่าเขาดื่มนมดิบเพื่อเพิ่มพลังงาน ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร ท่ามกลางข้อสงสัยเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

    ในปลายเดือนตุลาคม 2025 เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาตินอร์เวย์ ได้เปิดตัววิดีโอแรกบนช่อง YouTube ของเขา ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่าห้าล้านครั้ง วิดีโอนี้สร้างความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการดื่มนมดิบที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรส์ ในตอนที่มีชื่อว่า 'Day in the Life of a Pro Footballer' ฮาลันด์พูดถึงกิจวัตรประจำวันของเขา รวมถึงการปรุงและรับประทานสเต็กโทมาฮอว์ก

    ฮาลันด์กล่าวว่าเขาชอบดื่มนมดิบที่หาไม่ได้ตามร้านค้า ซึ่งในอังกฤษสามารถจำหน่ายได้อย่างถูกกฎหมาย ถึงแม้หน่วยงานความปลอดภัยอาหารจะแนะนำว่า นมดิบอาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตรายที่สามารถก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ และควรหลีกเลี่ยงโดยผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกทำลาย

    ในการบันทึกวิดีโอ ฮาลันด์เดินทางไปฟาร์มในเชสเชียร์เพื่อนำเอานมดิบกลับมา เขาเรียกมันว่า "ซุปเปอร์ฟู้ด" ซึ่งเชื่อว่า "ดีต่อกระเพาะอาหาร ผิวหนัง กระดูก และกล้ามเนื้อ" ปัจจุบัน ฮาลันด์ดื่มนมดิบวันละแก้วทุกเช้าและหลังการฝึกฝน ถือเป็นการตัดสินใจทางสุขภาพอย่างหนึ่งในชีวิตของเขา

    อย่างไรก็ตาม นมดิบมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากอาจมีแบคทีเรียก่อโรค ดังนั้นฟาร์มที่ผลิตนมดิบจึงต้องผ่านมาตรฐานความสะอาดที่เข้มงวดและมีการตรวจสอบเป็นประจำ

    แม้จะมีความนิยมที่เพิ่มขึ้น แต่องค์กรอาหารระบุว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงพอที่จะยืนยันถึงประโยชน์ต่อสุขภาพของนมดิบ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญย้ำเตือนถึงการบริโภคนมดิบโดยไม่มีการศึกษาความเสี่ยงอย่างละเอียด

    อดีตนักโภชนาการของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แดน ริชาร์ดสัน กล่าวว่า การดื่มนมดิบถือเป็นวิธีที่เสี่ยง และแนะนำให้นักกีฬารุ่นใหม่มุ่งมั่นในการรับประทานอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม

    การดื่มนมดิบกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรที่ไม่ธรรมดาของฮาลันด์ เช่นเดียวกับการบำบัดด้วยแสงสีแดงและการเติมเมเปิลไซรัปในกาแฟของเขา แม้กระนั้น ริชาร์ดสันเน้นว่านักกีฬาโดยทั่วไปควรใช้วิธีการที่ปลอดภัยที่สุด โดยมุ่งเน้นที่การได้รับคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอและการรับประทานอย่างสมดุล