"วิธีที่ Birmingham ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผ่านการลงทุนใหม่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างโอกาสธุรกิจ ทำให้เมืองมั่งคั่งขึ้น พร้อมดึงดูดการท่องเที่ยวและการลงทุนเพิ่ม"

    เบอร์มิงแฮมซิตี้กลับคืนสู่ความสำเร็จอีกครั้ง โดยในฤดูกาลลีกวัน 2024-25 พวกเขาสามารถสร้างทีมที่มีค่าตัวสูงที่สุดในระดับที่สาม รวมถึงบันทึกการซื้อขายใหม่ ด้วยการใช้เงิน 25 ล้านปอนด์เพื่อนำนักเตะใหม่เข้ามา 17 คน ผลที่ได้คือพวกเขาเป็นทีมเต็งสำหรับการเลื่อนชั้นไปแชมเปียนชิพ แม้ว่าทีมจะต้องเผชิญปัญหาและเปลี่ยนผู้จัดการทีมหลายคนในฤดูกาลก่อน ทั้งช่วงที่เวย์น รูนีย์คุมทีม ทีมกลับมาเข้าที่ภายใต้การนำของคริส ดาวีส์ ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์การบริหารจัดการทีมมาก่อน แต่มีประสบการณ์การฝึกสอนที่ยาวนาน

    เจ้าของทีม Knighthead มีแผนที่จะสร้างซูเปอร์พาวเวอร์ด้านฟุตบอลขึ้นใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์นี้ทำให้มีการดึงทอม เบรดี้ ตำนานจาก NFL มาร่วมทีม ซึ่งเสริมสร้างแบรนด์ทีมให้มีชื่อเสียงยิ่งขึ้น หลังจากที่สามารถชนะเกมลีก 29 นัดจาก 40 นัดได้ เบอร์มิงแฮมก็ใกล้จะได้เลื่อนกลับขึ้นไปเล่นในแชมเปียนชิพ โดยมีโอกาสที่จะชนะถ้วย Vertu Trophy ที่สนามเวมบลีย์ด้วย

    ในฤดูกาลนี้พวกเขาทำประตูได้ถึง 71 ประตูใน 39 แมตช์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในลีก และกองหลังยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ ในการเลื่อนชั้นและเตรียมตัวเล่นในแชมเปียนชิพในฤดูกาลถัดไป

    นักเตะหน้าใหม่เช่นเจย์ สแตนส์ฟิลด์ ที่ซื้อจากฟูลัมด้วยค่าตัวมหาศาล ยังได้สร้างสรรค์ประตูให้ทีม โดยครึ่งหนึ่งของประตูของเขาเป็นการยิงจุดโทษ แม้ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจะต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายสูง แต่อย่างไรก็ตามกฎการเงินในลีกวันทำให้นายทุนของเบอร์มิงแฮมสามารถลงทุนได้เท่าที่ต้องการ

    อนาคตของเบอร์มิงแฮมดูมีอนาคตที่สดใสภายใต้การนำของดาวีส์ และความเป็นไปได้ในการทำลายสถิติ EFL ของยอดแต้มรวม 106 คะแนนที่เรดดิ้งทำไว้ในฤดูกาล 2005-06 ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ทีมตั้งไว้ ด้วยการสนับสนุนจาก Knighthead ซึ่งยังมีแผนก่อสร้างสนามใหม่และการลงทุนในทีม เบอร์มิงแฮม ฟีนิกซ์ ของ The Hundred ทำให้แฟนๆ มีความหวังในฤดูกาลที่ดีขึ้นในอนาคต

    ความสำเร็จในปัจจุบันของเบอร์มิงแฮมไม่ใช่แค่การกลับคืนสู่ลีกแชมเปียนชิพ แต่เป็นการสร้างฐานที่แข็งแกร่งสำหรับความสำเร็จในอนาคตภายใต้การนำของคริส ดาวีส์