ฟีฟ่าเปิดกระบวนการสอบสวนเหตุการณ์เกี่ยวกับรูดิเกอร์ เพื่อประเมินและตัดสินใจด้านวินัย โดยเน้นถึงความสำคัญของความยุติธรรมและความโปร่งใสในวงการฟุตบอล ทั้งนี้เพื่อรักษามาตรฐานและความเชื่อถือของการแข่งขันระดับโลก

    สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ได้เริ่มดำเนินกระบวนการทางวินัยกับ กุสตาโว กาบราล กัปตันทีมปาชูกา หลังจากถูกกล่าวหาว่าใช้คำพูดเหยียดเชื้อชาติต่อ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กองหลังทีมเรอัล มาดริด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงท้ายเกมการแข่งขันฟุตบอลสโมสรโลกที่เมืองชาร์ล็อตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา

    การปะทะกันระหว่าง รือดิเกอร์ และ กาบราล ทำให้ผู้ตัดสิน รามอน อาบัตติ อาเบล ต้องเข้ามาแทรกแซง และส่งสัญญาณว่าได้มีการใช้โปรโตคอลต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติของ FIFA กาบราล ยืนยันว่าเขาไม่ได้เหยียดเชื้อชาติ แต่ใช้คำหยาบและเรียก รือดิเกอร์ ว่า "ขี้ขลาด"

    เกมจบด้วยชัยชนะของเรอัล มาดริด 3-1 แต่การถกเถียงยังดำเนินต่อเนื่องหลังสิ้นเสียงนกหวีด สิ่งนี้ทำให้ FIFA ต้องพิจารณาอย่างจริงจังตามกระบวนการสามขั้นตอนขององค์กรในการจัดการเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ ซึ่งประกอบไปด้วย การหยุดเกม การระงับเกม และการยกเลิกเกมหากปัญหายังคงดำเนินต่อไป

    หลังเกม ชาบี อลอนโซ ผู้จัดการทีมเรอัล มาดริด ได้กล่าวว่า รือดิเกอร์ ได้รายงานว่าเกิดเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติขึ้น "ในวงการฟุตบอล เราไม่สามารถทนต่อการกระทำนี้ได้ และถ้ามันเกิดขึ้นจริง ควรมีมาตรการจัดการ" อลอนโซ กล่าว "นี่คือสิ่งที่ อันโตนิโอ บอกกับเรา และเราก็เชื่อเขา ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน"

    ด้าน กาบราล กล่าวว่า "มันเป็นการเถียงกัน เราปะทะกัน เขาบอกว่าผมใช้มือฟาดหน้า และมีการทุ่มเถียงกันต่อ จากนั้นผู้ตัดสินก็ทำสัญญาณเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ แต่ผมก็บอกเขาถึงสิ่งเดียวกันตลอดเวลา"

    ในปี 2021 รือดิเกอร์ ขณะยังอยู่กับเชลซี ได้กล่าวว่า "ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย" หลังจากที่มีการรณรงค์ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติในวงการฟุตบอล แต่เขาจะ "สู้ต่อไป" เพื่อต่อต้านการล่วงละเมิดด้วยเชื้อชาติ

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักรณรงค์ได้ออกมาวิจารณ์ FIFA หลังจากที่เหมือนว่าจะมีการละเลยการเผยแพร่ข้อความต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติในตลอดการแข่งขันฟุตบอลสโมสรโลก