"เกมคือความรุ่งโรจน์" ของสเปอร์สรู้สึกว่างเปล่าเมื่อผลงานไม่เป็นไปตามเป้า ความสำเร็จต้องมากกว่าคำพูด สเปอร์สต้องพิสูจน์ด้วยการแสดงในสนามเท่านั้น เพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงและแรงดึงดูดให้องค์กรกลับมาน่าภาคภูมิใจอีกครั้ง

    คำพูดที่โด่งดังว่า "เกมคือเรื่องของความรุ่งโรจน์" ซึ่งสะท้อนอยู่ในสนาม Tottenham Hotspur Stadium ก่อนเริ่มเกมทุกครั้ง กลับกลายเป็นเสียงที่ไร้ความหมายในมือของผู้จัดการสโมส แดเนียล เลวี หลังจากการไล่ แอง โปสเตโคกลู ผู้จัดการทีมชาวออสเตรเลียออกจากตำแหน่ง แม้ว่าเขาจะพาทีมคว้าแชมป์ยูโรปาลีก ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลแรกของสโมสรในรอบ 17 ปี

    โปสเตโคกลู ซึ่งปฏิบัติตามปรัชญาของสเปอร์สในการคว้าถ้วยรางวัลในฤดูกาลที่สองของเขา ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง แม้จะสร้างความรุ่งโรจน์และคว้าถ้วยสำคัญให้กับสโมสร คำแถลงของสโมสรระบุว่า การคว้าแชมป์ยูโรปาลีกเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร แต่ไม่สามารถใช้ความรู้สึกมาประกอบการพิจารณาในการตัดสินใจไล่เขาออก

    ในช่วงเวลาที่โปสเตโคกลูอยู่กับทีม เขาถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงการเล่นในพรีเมียร์ลีกที่ไม่ดี แต่ยังคงสร้างผลงานโดดเด่นในศึกยูโรปาลีก ซึ่งเขียนหน้าใหม่ให้กับประวัติศาสตร์สโมสรในฐานะผู้จัดการทีมสเปอร์สคนที่สามที่คว้าแชมป์ยุโรป

    ความคิดเห็นของแฟนบอลหลากหลาย บางส่วนเห็นว่าการตัดสินใจไล่เขาออกเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในขณะที่อีกส่วนเห็นว่าเขาควรได้รับโอกาสสร้างทีมต่อไป คำถามหลักที่ถูกยกขึ้นคือว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญกว่าความรุ่งโรจน์ไหม? เช่นเดียวกับการเปรียบเทียบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ยังคงเก็บเอริค เทน ฮากไว้หลังจากชนะเอฟเอคัพ

    ผู้คนมากมาย รวมถึงอดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ อลัน เชียเรอร์ และคริส ซัตตัน อดีตกองหน้าของเซลติก แสดงความเห็นว่าการไล่ผู้จัดการทีมที่พาทีมคว้าแชมป์แล้วออกเป็นเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง

    โปสเตโคกลูพาทีมสเปอร์สคว้าความรุ่งโรจน์มาสู่สโมสร แต่เขาต้องเรียนรู้บทเรียนที่โหดร้ายว่าในยุคของแดเนียล เลวี ความรุ่งโรจน์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ความกดดันและการตรวจสอบจะกลับมาที่เลวี ผู้ที่มีประวัติยาวนานในการไล่ผู้จัดการทีมที่ไม่ได้คว้ารางวัล

    ในคืนแห่งชัยชนะที่บิลเบา เลวีคว้าไมโครโฟนและประกาศว่า "เราคือแชมป์" แต่ท้ายที่สุดการตัดสินใจทางการเงินกลับมีน้ำหนักมากกว่าและเขาลังเลที่จะปล่อยให้โปสเตโคกลูดำเนินการต่อในการนำพาสโมสรไปสู่ความสำเร็จในอนาคต