แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นสโมสรที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับสอง แม้เผชิญปัญหาท้าทายในสนาม ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินและฐานแฟนคลับที่มั่นคงทั่วโลก

    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับสองของโลก รองจากเรอัล มาดริด แม้ว่าจะประสบปัญหาในการแข่งขันช่วงหลัง ๆ ก็ตาม จากการจัดอันดับประจำปีของฟอร์บส์ ยูไนเต็ดถูกประเมินว่า มีมูลค่าสูงถึง 6.6 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.9 พันล้านปอนด์) และมีรายได้ 834 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 620 ล้านปอนด์) ในฤดูกาล 2023-24

    แม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะจบอันดับที่แปดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 23-24 และไม่สามารถผ่านเข้ารอบในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ แต่ฟอร์บส์ระบุว่ามูลค่าของสโมสรยังเพิ่มขึ้น 1% ยูไนเต็ดชนะเลิศถ้วยเอฟเอ คัพในฤดูกาลนั้น ขณะที่ในฤดูกาล 24-25 จบอันดับที่ 15 ในพรีเมียร์ลีกและแพ้ในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก

    แม้ว่าผลงานในสนามจะไม่ดี มีหนี้สินมากถึง 1 พันล้านปอนด์ และรายงานการขาดทุนถึง 113.2 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 23-24 แต่ยูไนเต็ดยังได้ประโยชน์จากการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งในกีฬาทั่วโลก ซึ่งสร้างฐานแฟนคลับขนาดใหญ่จากความโดดเด่นในปี 1990 และ 2000

    เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ ซึ่งเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในสโมสรในเดือนธันวาคม แต่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ได้ดำเนินมาตรการลดค่าใช้จ่าย หลังจากเข้ามาเกี่ยวข้องกับสโมสรเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา มีการเลิกจ้างพนักงานประมาณ 250 คน เพื่อประหยัดเงินประมาณ 8 ล้าน - 10 ล้านปอนด์ และในฤดูร้อนนี้อาจมีพนักงานเสียงานอีก 200 คน

    สโมสรยังได้เผยแผนการสร้างสนามใหม่มูลค่า 2,000 ล้านปอนด์ ณ พื้นที่เดิมของโอลด์ แทรฟฟอร์ด

    เรอัล มาดริดเป็นสโมสรที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกด้วยมูลค่า 6.75 พันล้านดอลลาร์และรายได้ 1.129 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่บาร์เซโลน่าอยู่ในอันดับที่สาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีรายได้สูงเป็นอันดับสองในฤดูกาล 23-24 แต่มีมูลค่าเป็นอันดับที่ห้า ส่วนลิเวอร์พูลเป็นสโมสรที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับสี่ในโลก

    การประเมินมูลค่าของทีมโดยฟอร์บส์นี้ อิงจากค่าองค์กร (รวมถึงหนี้สินสุทธิ) ที่ได้รับจากการทำธุรกรรมในอดีตและเศรษฐกิจในอนาคตของแต่ละลีกและแต่ละทีม ซึ่งรวมถึงรายได้และกำไรจากการดำเนินงาน แต่ไม่รวมมูลค่าที่ดินของสนาม